หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อุ้ยอ้ายไปซื้อของ เตรียมของใช้ให้ลูกน้อย

 เมื่อเข้าไตรมาสที่สาม ร่างกายก็เปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้นและอาการหิวโครกครากพร้อมกับอาการง่วงหงาวหาวนอน ช่วงระยะเวลาสุดท้ายนี้ร่างกายเราต้องการแคลอรีเพิ่มขึ้นอีกและลูกน้อยของเราก็มีการเพิ่มน้ำหนักตัวและเปลี่ยนสัดส่วนร่างกายอีกด้วย แน่นอนว่าอาการทั้งหมดทำให้เรารู้สึกอุ้ยอ้ายในการขยับร่างกายของเรา จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะใช้เวลาช่วงต้นไตรมาสที่สามนี้ควง(ว่าที่)คุณพ่อไปซื้อของใช้เพื่อรอรับลูกน้อยที่จะลืมตาดูโลกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ต้องยอมรับค่ะว่าผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กอ่อนนั้นมีให้เลือกสรร หลากหลายทั้งยี่ห้อ รูปแบบ รูปลักษณ์ คุณภาพและราคา คุณพ่อคุณแม่ก็อาจเกิดอาการสับสนได้ค่ะว่าเราควรเลือกอะไรและแบบไหนดี และหากมีกำลังทรัพย์เหลือพออยู่บ้างจะพอหยิบสอยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอะไรไว้ใช้ได้บ้าง

เพื่อให้เข้าใจง่ายๆนะคะ ก็ขออธิบายว่าของใช้ที่จำเป็นเหล่านั้นก็วนเวียนอยู่ที่ปัจจัยสี่ เพื่อรองรับการกิน นอน ขับถ่ายและนิสัยอยู่ไม่เป็นที่ของมนุษย์อย่างเราๆนั่นเองค่ะ เมื่อใช้หลักการนี้แล้ว ก็เลยแบ่ง shopping list ออกเป็นเจ็ดหมวดดังนี้เลยค่ะ

1. กิน ในช่วงระยะเวลาสามถึงหกเดือนแรกเบบี๋ต้องการแค่นมคุณแม่เท่านั้นค่ะ หลังจากนั้นจึงเพิ่มอาหารเสริมบดแต่เพียงเล็กน้อย ดังนั้นเราต้องเตรียมอุปกรณ์เกี่ยวกับการกินนมเป็นหลักซึ่งได้แก่
หากเลี้ยงด้วยนมแม่เองก็ไม่ต้องการอุปกรณ์มากมายค่ะ เพียงแต่มีขวดนมพร้อมอุปกรณ์ทำความสะอาดเผื่อให้ลูกได้ชิมรสน้ำส้ม น้ำเมื่อลูกสามเดือน แต่ถ้าต้องเก็บนมไว้ให้ลูกกินจากขวดเป็นกิจวัตรแล้วก็ต้องการขวดนมมากหน่อยและเพิ่มอุปกรณ์สำหรับใช้เก็บน้ำนม 
ยี่ห้อตามท้องตลาด: 
ขวดนม: AVENT, Pigeon หากเป็นขวดพลาสติกควรเลือกแบบ BPA-free ค่ะ
ที่ปั๊มนม: ควรลองกับเครื่องที่โรงพยาบาลเพื่อทดสอบความหนักเบาก่อนค่ะ ส่วนยี่ห้อที่ได้รับความนิยมจากคนรอบตัวได้แก่ Medela, AVENT, Ameda
ชุดชั้นในให้นม: มียี่ห้อ Wacoal, Sabrina และ Mothercare ที่มีวางขายในบ้านเราค่ะ 

2. นอน 
ข้อดีของการให้ลูกนอนในเตียงของตัวเองคือความปลอดภัยแม้ว่าคุณแม่ต้องยอมสูญเสียความสะดวกเมื่อต้องให้นมเองไปบ้าง หากคิดจะให้เค้านอนในเตียงแยกแล้วควรทำตั้งแต่วันแรกเลยค่ะจะได้ติดเป็นนิสัย การใช้เตียงมือสองก็สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายได้เยอะ แต่ทั้งนี้ต้องแน่ใจว่าเราได้เปลี่ยนฟูกนอนใหม่ให้เค้าแล้ว วิธีการเลือกเตียงคือควรเลือกเตียงที่มีรั้วปิดทั้งสี่ด้าน ซี่กรงต้องห่างระหว่าง 2.5-6 เซนติเมตร ซี่กรงที่ห่างเกินไปจะทำให้หัวลูกติดค้างได้ และเบาะควรต่ำกว่าขอบราวไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร ส่วนเบาะนอนนั้นต้องวางเต็มที่นอนและมีรูระบายอากาศ เตียงที่กว้างหน่อยก็จะใช้งานได้นานกว่าด้วย ความกว้างของเตียงโดยทั่วไปในท้องตลาดจะอยู่ระหว่าง 60-80 เซนติเมตรค่ะ
แต่ถ้าเลือกที่จะให้นอนรวมกับคุณพ่อคุณแม่แล้วก็ควรระวังเรื่องการหลับลึกแล้วเผลอทับลูกน้อยด้วยนะคะ ที่กั้นขอบเตียงก็จะช่วยให้ลูกไหลตกพื้นในได้กรณีนี้ มีคุณแม่บางคนที่เคยแนะนำมุ้งครอบ ซึ่งเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งเมื่อลูกนอนกับคุณแม่ค่ะ ประโยชน์ก็เพื่อกันลมและเป็นขอบเขตที่นอนให้แก่ลูกน้อย
ยี่ห้อตามท้องตลาด
Brown Farm, Kitso, Cool Kids, IKEA, Mothercare

3. ขับถ่าย
ลูกต้องพึ่งพาผ้าอ้อมจนอายุสองขวบเลยค่ะ คือจนกว่าเค้าจะสามารถบอกว่าต้องการขับถ่ายเองได้แล้ว โดยทั่วไปแล้วคุณพ่อคุณแม่มีสองทางเลือกได้แก่ ผ้าอ้อมชนิดซักได้ และผ้าอ้อมสำเร็จรูป
ข้อดีของผ้าอ้อมสำเร็จรูปคือสะดวกเวลาออกไปข้างนอกบ้านและใช้งานได้ง่ายกว่า แต่อาจระบายอากาศสู้ผ้าอ้อมชนิดผ้าซักได้ ซึ่งยังมีข้อดีในเรื่องความประหยัดด้วย

4. อาบน้ำ 
สำหรับอ่างอาบน้ำควรเลือกแบบมีที่วางสบู่ในตัวด้วยนะคะเพิ่อความสะดวกในการใช้งาน อ่างอาบน้ำแบบมีขาตั้งมักจะมีราคาสูงแต่ก็ให้ความสะดวกสบาย สำหรับผ้าเช็ดตัวของลูกควรแยกใช้กับผู้ใหญ่
 5. เครื่องนุ่งห่ม
6. ยา อุปกรณ์เบื้องต้นที่ต้องมีติดบ้านได้แก่



7. เดินทาง ถึงแม้ว่าบ้านเรายังไม่ได้บังคับให้ใช้คาร์ซีทตามกฎหมายนะคะ แต่เพื่อความปลอดภัยของลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกคาร์ซีทที่มีมาตรฐาน ทั้งนี้เราสามารถอ้างอิงเกณฑ์ปฏิบัติจาก http://www.childcarseats.org.uk/law/index.htm ของสหราชอาณาจักร ซึ่งกำหนดให้เด็กต้องใช้คาร์ซีทถึงอายุ 12 ปี หรือเมื่อส่วนสูงต่ำกว่า 135 เซนติเมตร หรืออาจอิงจากระเบียบปฏิบัติของประเทศอื่นที่มีการบังคับใช้กฎหมายก็ได้ค่ะ
ยี่ห้อทั่วไปตามท้องตลาด Combi, Graco, Cool Kids
1. หากเลือกที่จะซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น one-stop service คือมีของที่ต้องการครบทุกอย่างแล้ว อย่าลืมตรวจสอบโปรโมชั่นของห้างเช่น บัตรกำนัล ส่วนลด 15-70% ส่วนลดพิเศษจากบัตรเครดิตก่อน
2. ของราคาย่อมเยาสามารถแวะเวียนไปดูได้ที่ตามตลาดนัด เช่น ตลาดนัดลุงเพิ่มหลังการบินไทย ตลาดนัดมศว. ตลาดนัดต้นสน
3. ช่วงปลายเดือนมิถุนายน สินค้า street fashion เช่น GAP Kids มีสินค้าลดราคา50-70% (mid year sale)
4. ของใช้ในเครือสหพัฒน์เช่น enfant little wacoal absorba หรือชุดชั้นในให้นมของ wacoal ยังมีจำหน่ายในราคาลดพิเศษ 15-30% ที่ร้าน mother&child เซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนงานสหพัฒน์ แฟร์จะเริ่มราวปลายมิถุนายนที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์
5. ควรตรวจสอบโปรโมชันเฟอร์นิเจอร์ของแต่ละร้าน/ สาขาก่อน เช่น Kitso จะลดราคาพิเศษช่วงส่งท้ายปี Brown Farm จะมีโปรโมชันประจำเดือน ติดตามได้ที่ website หรือ facebook ของแต่ละร้าน
6. แหล่งซื้อของอื่นๆ เช่น งาน Thailand Baby& Kids Best Buy
7. ในต่างประเทศ สินค้าเด็กเช่น car seat, รถเข็น หรือขวดนม ที่ปั๊มนม นั้นมีราคาถูกกว่าที่ไทยมาก
8. ผ้าอ้อมยี่ห้อ enfant รุ่น gold มีขนาดพิเศษ 30" ด้วยและเนื้อก็นุ่มถูกใจมากๆ

เพื่อให้เรื่องซื้อของเป็นหนึ่งในกิจกรรมแห่งความสุขที่เราจะทำเพื่อลูกน้อยของเรา สุดสัปดาห์นี้ ก็อย่าลืมพก shopping list สรุปติดไม้ติดมือกันไป แล้วหลบลมร้อนไปเดินชิลล์ๆชอปปิ้งของใช้ให้ลูกน้อยกันนะคะ

ลายแทง Shopping List ของเรา
หากคุณแม่มือใหม่หรือมือเก๋ามีข้อแนะนำหรือเทคนิคเริ่ดๆ ก็อย่าลืมช่วยกันแชร์ค่ะ เรารออยู่่....

Reference:
คู่มือคุณแม่ฉบับสมบูรณ์ ห่วงใยคุณแม่ดูแลลูกน้อย

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

จาก..ปฏิสนธิ..ถึง...กำเนิดชีวิต

เพราะคำพูดที่ว่า "แม้ว่าผมจะเป็นนักคณิตศาสตร์ ผมก็ยังมองการพัฒนาการของตัวอ่อนด้วยความอัศจรรย์ การสร้างตัวตนอันไร้ซึ่งข้อผิดพลาดนั้นเป็นไปได้อย่างไร" ของ Alexander Tsiaras ในการบรรยายซึ่งเผยแพร่ที่เว็บไซต์ BBC ทำให้เราได้"เห็น"ความมหัศจรรย์ของการกำเนิดชีวิตผ่านทางวิดีโอความยาวไม่กี่นาทีแต่ก็อิ่มด้วยข้อความที่ผู้จัดทำต้องการสื่อสาร ตามประวัติโดยย่อของคุณ Tsiaras นั้น แกมีความสนใจเรื่องเทคโนโลยีการถ่ายภาพทางการแพทย์ เขาเป็นนักคณิตศาสตร์ รองศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเยลล์ และร่วมทำงานโครงการให้แก่องค์การนาซ่าของสหรัฐ

เมื่อได้ดูวิดีโอแล้ว เราก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยกับทรรศนะข้างต้นของเขาไม่มากก็น้อย การกำเนิดชีวิตที่เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของสองเซลล์ การแบ่งเซลล์ การพัฒนาอวัยวะทั้งหัวใจ แขน ขา ตาของตัวอ่อนในชั่วระยะเวลาต่างๆในครรภ์มารดา ทั้งหมดนี้เป็นไฮไลท์จากผลงานของเขาในหนังสือชื่อ "From Conception to Birth: A Life Unfolds and The Architecture and Design of Man and Woman: The Marvel of the Human Body, Revealed" ซึ่งจัดทำขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยี MIH ที่ช่วยให้เราสามารถมองเห็นภาพซึ่งไขความลับแห่งชีวิตได้

นอกจากนี้แล้วเรายังสามารถเข้าไปศึกษาสาระทางสุขภาพทางเว็บไซต์ theVisualMD.com ในรูปแบบของรูปภาพตามความถนัดของเขาได้อีกด้วย เช่นในหัวเรื่องที่ 8 ซึ่งเกี่ยวกับโภชนาการสำหรับลูกน้อยในครรภ์ค่ะ แล้วคุณจะพบว่า

"ชีวิตนั้นช่างสวยงามและมหัศจรรย์แค่ไหน"

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

น้ำหนักขึ้น ไม่ขาดไม่เกิน

สืบเนื่องจากบทความที่แล้วเรื่อง "น้ำหนักขึ้น up&up" ก็มีเสียงดังขรมจากคุณแม่ที่กำลังกังวลว่าถ้าเราไม่กินเต็มสตรีมแล้ว ลูกน้อยในครรภ์จะมีพัฒนาการด้านร่างกายที่สมบูรณ์หรือ มาถึงตรงนี้ผู้เขียนก็ขอให้ย้อนกลับไปตั้งต้นด้วยบทความที่ผ่านๆมาดังนี้ค่ะ

เรื่อง "น้ำหนักขึ้น up&up" ได้แนะนำว่าเราควรกินเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเท่านั้นต่อวัน
เรื่อง "Eat for 2" ได้กล่าวถึงคำแนะนำเกี่ยวกับสัดส่วนอาหารในแต่ละวัน และปริมาณที่เหมาะสม

ที่นี้ถ้าเราปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว ก็มั่นใจได้เลยว่าปริมาณอาหารและสัดส่วนอาหารที่กินเข้าไปนั้นมีความเหมาะสมทั้งต่อลูกน้อยและสุขภาพของคุณแม่เอง

ข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งเพื่อจะบ่งชี้ว่าการปฏิบัติของเรานั้นมีประสิทธิผลหรือไม่ ก็คือดัชนีชี้วัดนั่นเอง สำหรับพัฒนาการด้านร่างกายของเจ้าตัวเล็กนั้นก็ขอละให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอในการวัดการเจริญเติบโตด้านร่างกายจากการอัลตราซาวด์ในทุกๆไตรมาส ส่วนคุณแม่นั้นสามารถเฝ้าระวังน้ำหนักตัวเองเพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่เหมาะสมเมื่อสิ้นสุดการตั้งครรภ์ สำหรับหญิงที่มีดัชนีมวลกายหรือ Body Mass Index (BMI) ในเกณฑ์ปกติจะต้องเพิ่มน้ำหนักประมาณ 11-14.5 kg. ส่วนคนที่มีค่าต่ำกว่ามาตรฐานก็ควรเพิ่มน้ำหนักถึง 12.5-18 kg แต่หากคุณมีส่วนเกินพ่วงมาด้วยแล้วก็ต้องเฝ้าระวังให้มากกว่าปกติโดยที่น้ำหนักควรเพิ่มแค่ประมาณ 7-11 kg เท่านั้นเองค่ะ เราสามารถคำนวณ BMI เองได้เพื่อจะได้ทราบว่าเราควรมีเป้าหมายเท่าไรดังนี้

 และเพื่อให้สามารถเฝ้าระวังได้อย่างเป็นระบบ เราก็เลยจัดทำworksheetง่ายๆเพื่อเก็บข้อมูลและทบทวนผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากไม่สามารถแปะไฟล์บนบล็อกได้ ผู้ที่สนใจสามารถ e-mail มาขอกันหลังไมค์ได้เลยค่ะ


ขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่ร่วมทางทุกคนและวินัยที่ดีจะช่วยให้เราเข้าถึงเป้าหมายนั้นได้ แม้ว่าจะเผลอบ้างอะไรบ้างกับของไม่มีประโยชน์แต่อร่อยๆทั้งหลาย และสุดท้ายขอฝากข้อคิดดีๆที่เก็บมาจาก www.whattoexpect.com ที่ว่า......

เราไม่ได้อ้วน แต่เรากำลังเลี้ยงเจ้าตัวเล็กให้โตวันโตคืนอยู่ต่างหาก

Reference:
The day-by-day pregnancy book, Dr. Maggoe Blott
http://en.wikipedia.org/wiki/Body_mass_index



วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

น้ำหนักขึ้น up&up

ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมาน้ำหนักตัวได้เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ประมาณสามกิโลกรัมเห็นจะได้ ทั้งๆที่รู้มาก่อนแล้วว่าช่วงไตรมาสที่สองและสามน้ำหนักจะขึ้นไปเรื่อยๆ การตรวจครรภ์ครั้งที่ผ่านมาคุณหมอก็ได้แนะนำให้งดของอร่อยทั้งหลาย ทั้งข้าวเหนียวมะม่วง ไอศกรีม ช็อกโกแล็ต เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อภาวะเบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์ โดยการตรวจครรภ์เดือนหน้าซึ่งเข้าสู่สัปดาห์ที่สามสิบ เราต้องทดสอบภาวะเบาหวานอีกด้วย

ระหว่างนี้ ก็ได้บังเอิญไปเจอะกับบทความที่น่าสนใจจากนักจิตวิทยาและนักเขียนซึ่งได้เขียนบทความลง BBC Online เมื่อ 26 มิถุนายน 2555 โดยตั้งคำถามไว้อย่างน่าสนใจว่าหญิงตั้งครรภ์จำเป็นต้องกินเผื่อสองคนหรือไม่ แล้วคนตั้งครรภ์แฝด ยิ่งแฝดสามแฝดสี่ยิ่งไม่ต้องกินเพิ่มเป็นเงาตามตัวหรือ ซึ่งฝรั่งเองก็มีความเชื่อเฉกเช่นพวกเราว่า การตั้งครรภ์เป็นความชอบธรรมของว่าที่คุณแม่อย่างหนึ่ง ที่จะสามารถกินอะไรก็ได้และมากเท่าไรก็ได้ตามปากปรารถนา ซึ่งผลลัพธ์ของความเชื่อที่ไม่ถูกต้องก็ได้สะท้อนด้วยผลงานวิจัยที่ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร (British Medical Journal) ที่ระบุว่า 20-40% ของผู้หญิงมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐานในระหว่างตั้งครรภ์ และสถิติดังกล่าวก็อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาหารที่กินมากเกินไปไม่ได้เป็นประโยชน์กับคุณแม่หรือลูกน้อย แต่กลับส่งผลเสียต่อคุณแม่ในระยะยาวเช่นความดันเลือดที่สูงขึ้นแล้วยังทำให้ไม่สามารถลดน้ำหนักลงได้หลังระยะเวลาให้นมบุตรสิ้นสุดลง

และบทความก็นำมาสู่คำถามที่น่าสนใจว่าแล้วหญิงตั้งครรภ์ควรเพิ่มอาหารต่อวันสักเท่าไร ตามคำแนะนำของ Institute of Medicine ในสหรัฐ หญิงตั้งครรภ์ต้องการพลังงานเพิ่มอีกแค่ 340 แคลอรีหรือเทียบเท่ากับไข่สองฟองในช่วงไตรมาสที่สอง และเพิ่ม 452 แคลอรีหรือเทียบเท่ากับคุ้กกี้ธัญพืชช้อกโกแล้ตสองชิ้นและขนมปังกระเทียมอีกเล็กน้อยเท่านั้นในระหว่างไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์

สรุปง่ายๆก็คือเราควรกินเท่าคนคนเดียวและเพิ่มอีกเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

หนังสือน่าอ่าน พัฒนาการของทารกในครรภ์ 1

ทุกวันที่ผ่านไปมีค่าต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย เพราะเวลาเดินไปข้างหน้าเท่านั้น ในชีวิตจริงไม่มีไทม์แมชชีนของเจ้าเหมียวโดราเอมอนที่สามารถพาเรากลับไปแก้เหตุการณ์ต่างๆได้ เพราะฉะนั้นเราจึงต้องทำทุกวันให้มีคุณค่าที่สุด
โชคดีมากๆค่ะที่ได้รับการส่งต่อหนังสือเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกมาเยอะแยะมากมาย ทำให้ได้เรียนรู้และเข้าใจโลกของเค้าในร่างกายของเรามากขึ้น คุณหมอชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร ผู้แต่งหนังสือ ลูกฉลาดได้ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ได้เน้นย้ำถึงการปฏิบัติที่ถูกต้องควบคู่ไปกับการทำความเข้าใจเพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเค้า การปฏิบัติที่ถูกต้องจะส่งผลให้ทารกน้อยมีคุณภาพ แต่หากละเลยแล้วก็อาจสร้างภาระและความเครียดแก่ลูกน้อยแทน


หนังสือน่าอ่านเล่มแรกที่อยากแนะนำให้คุณแม่คุณพ่อหามาอ่านก็คือ ลูกฉลาดได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยคุณหมอชัยรัตน์ ปัณฑุรอัมพร จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์รักลูก เป็นหนังสือเล่มบางๆอ่านเข้าใจง่าย ได้เกร็ดความรู้มากมายและมุ่งไปที่การตั้งครรภ์อย่างมีความสุขและมีคุณภาพ คุณหมอได้แนะนำข้อควรปฏิบัติไว้อย่างน่าสนใจ โดยขอยกมาบางส่วนที่สำคัญดังนี้
  • ภายในครรภ์ ลูกน้อยจะคุ้นชินกับเสียงโลหิตไหลเวียน เสียงเต้นหัวใจ และเสียงของคุณแม่ ดังนั้นลูกน้อยจำเป็นต้องปรับตัวเป็นอย่างมากเมื่อคลอดออกมาสู่โลกภายนอกซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป การอุ้มลูกที่บ่าด้านซ้ายและการร้องเพลงหรือเล่านิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในครรภ์จะช่วยให้ลูกอารมณ์ดีและอบอุ่น คุณหมอยังแนะนำเทคนิคให้ลูกฟังดนตรีตั้งแต่ในครรภ์ไว้อย่างน่าสนใจว่าควรเลือกเพลงที่เย็นสบายและฟังพร้อมกันทั้งคุณแม่และลูกประมาณ15นาที ไม่ใช่เปิดเพลงทิ้งไว้ทั้งวันนะคะ ไม่เช่นนั้นเค้าจะเครียดเกินไปค่ะ
  • คุณแม่คือสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดของลูกค่ะ เราจึงควรมองโลกอย่างสดใส กำลังใจจากคุณพ่อมีความสำคัญอย่างมากเช่นกัน
  • คุณแม่สามารถเสริมสร้างพัฒนาการของลูกด้านการเคลื่อนไหวได้โดยลูบสัมผัสหน้าท้องเมื่อลูกมีการดิ้นแตะหน้าท้องคุณแม่
นอกจากคำแนะนำข้างต้นแล้วเรายังสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคลอดและการเสริมสร้างระบบต่างๆของทารกหลังคลอดได้จากหนังสือเล่มนี้ด้วยค่ะ ด้วยทัศนคติด้านบวกที่ได้รับจากหนังสือเล่มนี้ รับรองว่าคุณแม่จะอิ่มใจกับการตั้งครรภ์แน่นอนจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปฏิทินคุณแม่ตั้งครรภ์


เผลอแป๊บเดียวตัวเราเองก็มาถึงครึ่งทางของการตั้งครรภ์แล้วค่ะ เป็นช่วงเวลาที่เรามีเวลาและพลังเหลือเพื่อจัดการกับธุระของตัวเอง เริ่มเตรียมพร้อมร่างกายและเริ่มมองของจำเป็นสำหรับลูกน้อยที่จะมาเยือนในเวลาอันใกล้นี้ เมื่อมีเวลาสักหน่อยเลยขอskim&scan หนังสือคู่มือการตั้งครรภ์เล่มโตเพื่อทำshort note เตือนความจำที่คุณหมอเรียกว่า pregnancy brain ก็คือหลงๆลืมๆของตนสักหน่อย และเพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหาเราก็ได้เพิ่มกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ซึ่งตัวเราเองได้ทำและมุ่งมั่นว่าจะทำลงไปด้วย สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดก็เลยได้มาเป็นปฏิทินฉบับพกพาเช่นนี้ค่ะ 

updated: พฤษภาคม 2555
อ้างอิงจาก: the day-by-day pregnancy book, Dr.Maggie Blott
หมายเหตุ: คุณแม่สามารถอัพเดตตาราง "ปฏิทินคุณแม่ตั้งครรภ์" ล่าสุดได้จากหน้านี้ค่ะ ^^

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Eat for 2 กินจุ๊บจิ๊บ

สาวๆคะ อย่าเพิ่งร้องยี้นะคะ ถ้าอยู่ตัวคนเดียวก็ร้องออกมาได้เลยค่ะ แต่ๆๆๆ...ในฐานะว่าที่คุณแม่หน้าที่ของเราคือต้องเพิ่มน้ำหนักให้ได้ตามเกณฑ์ด้วยอาหารที่มีประโยชน์ ถึงจะมีแถมพวกของโปรดอย่างเช่นเบเกอร์รี่หรือไอศกรีมบ้างสำหรับวันอากาศดีๆก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอากาศมันเกิดดีทุกวันก็พยายามข่มใจด้วยคาถาว่า..เบาหวานๆนะจ๊ะ

ถึงท้องจะเริ่มยื่นออกมาทุกวัน ก็ไม่ได้แปลว่ากระเพาะอาหารของเรามันขยายไปด้วยแถมยังมีเจ้าตัวเล็กมากดทับซะอีก ทำให้เราจุอาหารในแต่ละมื้อได้ไม่มากไม่น้อยไปกว่าเดิมเลย ดังนั้นถ้ากินแค่สามมื้อต่อวันเจ้าตัวเล็กคงต้องหิวโซแน่ๆ กลุ่มอาหารที่มักขาดหายไปจากมื้อหลักก็คงหนีไม่พ้นพวกผลไม้และนม เราจึงขอยกยอดคงค้างทั้งหมดไปเป็นอาหารระหว่างมื้อค่ะคือช่วง 10.30 น. ในช่วงเช้าและช่วงพักบ่ายประมาณ 15.00 น. ของแต่ละวัน

และเช่นเคย วันนี้เราได้เตรียมสำรับง่ายๆระหว่างมื้อมาแนะนำ 

ขอเปิดตัวด้วยออเดิร์ฟเซ็ตเมนูที่ง่ายแต่ยังคงเปี่ยมไปด้วยคุณค่า ก็คือ ผลไม้สดกับถั่ว พร้อมโยเกิร์ตไขมันต่ำ 
วิธีจัดการกับเมนูนี้ก็แล้วแต่ความถนัดเลยค่ะ จะกินแบบตัวใครตัวมันหรือจะเทรวมกันเป็นโยเกิร์ตผลไม้ก็อร่อยดีไปอีกแบบ แต่อย่าลืมหั่นเป็นเต๋าก่อนผสมรวมกันนะคะ และเพื่อได้วิตามินที่หลากหลายจากผลไม้ เราควรเลือกผลไม้หลายชนิด หลายสีในแต่ละสำรับค่ะ


เมล็ดทานตะวันและสาลี่สดสำหรับเบรคเช้า^^
ยามบ่ายสดชื่นด้วยโยเกิร์ตพรุนและผลไม้สด


แล้วติดตามเมนูระหว่างมื้ออื่นๆได้ในตอนต่อไปนะจ๊ะ